Banner background image
หางานดี ต้องมีรีวิวบริษัทได้งานดีต้องมี Super Resumeค้นหางานเลย!
banner_model
รบกวนแชร์ให้หน่อยนะคะ
แชร์
I love You by JOBTOPGUN
หางาน

ตามสายอาชีพ

ตามประเภทธุรกิจ

pin

pin

ร่วมงานกับ 'Dream Company'องค์กรที่ดูแลพนักงานได้เหนือกว่ามาตรฐานทั่วไป ใน 4 มิติ ชีวิตดี งานดี เงินดี สังคมดี
ค้นหางานใหม่จากบริษัทชั้นนำ
you-say-hr-sayอ่านรีวิวจากบริษัทที่น่าสนใจ

เชื่อหรือไม่? เรซูเม่ที่ดี ช่วยสร้างโอกาสในการหางานได้มากกว่า!

เรซูเม่ มีความสำคัญอย่างมากในขั้นตอนการรับสมัครงาน เนื่องจากเป็นเอกสารที่ถูกใช้ในการประเมินคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้สมัครในการทำงานร่วมกับองค์กรหรือบริษัท ซึ่งบริษัทจะใช้เรซูเม่เป็นเครื่องมือในการทำความรู้จักและศึกษาเรื่องราว รวมถึงประสบการณ์ที่เกี่ยวกับตัวคุณ ดังนั้น เรซูเม่จึงส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเรียกสัมภาษณ์ หรือการเสนอตำแหน่งงาน เพราะยิ่งเรซูเม่ของคุณมีความโดดเด่นตรงตามความต้องการของบริษัทมากเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยสร้างความน่าสนใจ เสริมโอกาสในการสมัครงานและการถูกเรียกสัมภาษณ์ได้มากขึ้นเท่านั้น

การจะสร้างเรซูเม่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการหางานทำได้นั้น มีปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต้องคำนึงถึง ดังนี้

  • กำหนดเป้าหมายหลักในการสร้างเรซูเม่ ว่าต้องการหางานใหม่ เปลี่ยนสาย หรือเพื่อส่งใบสมัครทีเดียวให้แก่หลายบริษัท เพราะจุดประสงค์ที่แตกต่างล้วนส่งผลให้การโฟกัสสิ่งสำคัญในเรซูเม่มีความต่างกันออกไป
  • ในการเขียนเรซูเม่ นอกจากภาษาไทยแล้ว หลายคนก็นิยมใช้ภาษาอังกฤษ เพราะอาจแสดงให้เห็นถึงความสามารถในด้านภาษาได้ดี อย่างไรก็ตาม ผู้สมัครควรเลือกใช้ภาษาที่เหมาะสมกับบริษัทที่ เปิดรับสมัครงาน เพราะจะช่วยแสดงออกถึงความใส่ใจของผู้สมัครได้เป็นอย่างดี โดยสามารถสังเกตได้จาก Job Description ที่อยู่บนหน้าประกาศงาน
  • รวบรวมและอัปเดตข้อมูลส่วนตัวทุกครั้งก่อนสร้างเรซูเม่ โดยต้องมีให้ครบทั้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล ที่บริษัทสามารถติดต่อได้จริง
  • เลือกเน้นจุดสำคัญ หรือจุดเด่น ให้ตรงกับตำแหน่งงานที่บริษัทต้องการ โดยเลือกใส่ข้อมูลให้สอดคล้องกับ Job Description ตามประกาศรับสมัครงาน

พร้อมปรับแต่งเรซูเม่ให้ยืนหนึ่ง! ใส่ข้อมูลได้ครบถ้วนตามต้องการ ด้วย Super Resume ที่ช่วยนำเสนอตัวตน จุดแข็ง และความสามารถของคุณได้โดดเด่นจับตาบริษัทชั้นนำ

แต่ละสายอาชีพชีวิตเป็นอย่างไร?

อ่านชีวิตจริงของ 26 สายอาชีพ จากคนทำงาน 40,000 คน

อ่านเลย! คลิก
super-resume-human-hero-banner
'Super Resume'
เรซูเม่ที่ช่วยให้คุณยืนหนึ่งโอกาสถูกเรียกสัมภาษณ์มากกว่า
สร้างเรซูเม่เลย ฟรี!
super-resume-human-hero-banner
เปิดโลกการทำงานให้คุณไม่พลาดทุกข่าวสาร เคล็ดลับ บทความ ที่จะเปิดโลกการทำงานใหม่ ๆ ที่เราคัดสรรมาเพื่อคุณ
[object Object]
5 Technical Skills ที่คนสายไอทีควรมีในยุค AI มีอะไรบ้าง?ถึงตอนนี้ ชัดเจนแล้วว่าการมาถึงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันของพวกเราไปพอสมควร และนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ถ้าหากไม่สามารถปรับตัวได้ทัน การโดน AI แย่งงานในอนาคตก็อาจจะไม่ใช่เรื่องไกลเกินจริง โดยเฉพาะสายงานแวดวง IT ที่น่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากเรื่องนี้ ดังนั้น บทความนี้จึงจะมาแนะนำ 5 Technical Skills สำหรับคนทำงานสายไอทีนั้นมีอะไรบ้าง เพื่อเปลี่ยนจากโดน AI แย่งงาน เป็นการใช้ AI เสริมความสามารถ ติดปีกทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ติดตามได้เลย5 Technical Skills คืออะไร? สกิลไหนที่ต้องมีในยุค AIรวม 5 Technical Skills สำคัญในยุค AI ที่คนทำงานสายไอทีควรมี1. Prompt EngineeringTechnical Skills แรกที่สำคัญมากคือ Prompt Engineering ซึ่งหมายถึงทักษะในการออกแบบพรอมต์ หรือคำสั่งให้กับเครื่องมือ AI อย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับความสามารถเฉพาะและข้อจำกัดของระบบ AI แต่ละตัว เพื่อให้พรอมต์สามารถสื่อสารกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ AI ทำงานได้ตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุดการที่มีทักษะ Prompt Engineering จะช่วยให้คนทำงานสายไอทีสามารถใช้เครื่องมือ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเต็มศักยภาพของเครื่องมือ AI ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายในการทำงานแต่ละงานได้รวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้นหากอยากมีทักษะ Prompt Engineering ระดับมืออาชีพ สามารถฝึกฝนได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการทดลองป้อนคำสั่งหลาย ๆ รูปแบบเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุด ให้เหมาะกับคุณและเครื่องมือที่ใช้มากที่สุด หรือจะลงเรียนคอร์สออนไลน์ เข้าร่วมกลุ่ม หรือฟอรัมที่แชร์วิธีการพรอมต์คำสั่ง AI ก็ได้2. Cloud Computing และ Distributed Systemsทักษะและความเข้าใจเกี่ยวกับ Cloud Computing และ Distributed Systems เป็นทักษะสำคัญในด้านไอทีที่โปรแกรมเมอร์และคนทำงานในสายไอทีควรต้องมี เพราะจะช่วยให้สามารถจัดการทรัพยากรต่าง ๆ รวมถึงข้อมูลจำนวนมากที่ใช้ในการประมวลผลและการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุดการมีความเข้าใจและมีทักษะในการจัดการ Cloud Computing และ Distributed Systems จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับการกระจายข้อมูลและจัดการข้อมูลที่มีปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น ลดความผิดพลาดและล่าช้าของเว็บไซต์ ตลอดจนระบบต่าง ๆ ได้ อีกทั้งยังช่วยให้สามารถนำระบบคลาวด์และการกระจายข้อมูลมาใช้ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการทำงานร่วมกัน การเข้าถึง และส่งต่อข้อมูลได้ แถมยังช่วยให้เกิดความคุ้มค่าด้านงบประมาณ เพราะไม่ต้องใช้เครื่องมือฮาร์ดแวร์ราคาแพง หรือต้องการการดูแลอย่างสม่ำเสมออีกด้วยหากต้องการฝึกฝน Technical Skills นี้ สามารถเรียนรู้ได้จากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่ผู้ให้บริการคลาวด์แต่ละที่นำเสนอไว้ให้เข้าถึงได้ฟรี การลงทะเบียนเรียนคอร์สที่ให้ใบรับรองอย่าง Google Cloud Certified Professional Cloud Architect หรือ AWS Certified Solutions Architect แต่หนึ่งในวิธีที่จะช่วยพัฒนาทักษะนี้ได้ดีที่สุดก็คือ การทดลองใช้ระบบคลาวด์ด้วยตนเองผ่านแพลตฟอร์มคลาวด์ฟรีนั่นเอง3. Cybersecurityอีกหนึ่งทักษะสำคัญที่จะไม่มีไม่ได้ในยุคแห่งเทคโนโลยีก็คือ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือ Cybersecurity นั่นเอง ซึ่งความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นหมายถึงการมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปฏิบัติ และการใช้งานเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบ เครือข่าย และข้อมูลจากการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การหยุดชะงัก การแก้ไข หรือการทำลายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ไม่หวังดีนั่นเองการมีทักษะด้าน Cybersecurity จะช่วยให้คุณสามารถปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเครือข่าย และระบบต่าง ๆ ของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ได้ ช่วยให้ปลอดภัยจากการถูกเข้าถึง และละเมิดข้อมูลสำคัญ อีกทั้งยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับระบบของคุณ ทำให้ลูกค้ามั่นใจและไว้วางใจในการใช้บริการของคุณด้วยหากต้องการมี Technical Skills ด้าน Cybersecurity อาจฝึกฝนได้ด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการติดตามอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับภัยคุกคามและวิธีเพิ่มความปลอดภัยด้านไซเบอร์อยู่เสมอ การเข้าร่วมหลักสูตรออนไลน์ที่สอนเกี่ยวกับ Cybersecurity ไปจนถึงการเรียนรู้เทคนิคการแฮ็กอย่างมีจริยธรรมผ่านแล็บเสมือนหรือแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่อทำความเข้าใจวิธีการทำงานของผู้โจมตี เพื่อหาแนวทางรับมือและแก้ไข4. Machine Learning และ AI Algorithmsความรู้ และ Technical Skills เกี่ยวกับ Machine Learning และ AI Algorithms คือการเข้าใจถึงกระบวนการเรียนรู้ของเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้จากข้อมูล เรียนรู้การระบุรูปแบบ และการคาดการณ์หรือตัดสินใจต่าง ๆ ได้เป็นอัตโนมัติ และเข้าใจการทำงานของอัลกอริทึมของ AI ด้วยประโยชน์ของการมีทักษะนี้คือการช่วยให้คุณสามารถนำ AI มาใช้งานเพื่อการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเป็นพื้นฐาน ซึ่งจะส่งผลให้มีผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น มีกระบวนการทำงานที่เป็นอัตโนมัติมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อนของงานได้ด้วยการเรียนรู้และหาข้อมูลเกี่ยวกับ Machine Learning และ AI Algorithms สามารถทำได้โดยติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัลกอริทึมให้เป็นปัจจุบันเสมอ และหมั่นหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคนิคการฝึกฝน AI ใหม่ รวมถึงการฝึกฝนและทดลองเทคนิคต่าง ๆ อยู่เสมอด้วย5. AI EthicsAI Ethics หรือจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์เป็น Technical Skills สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยในยุค AI เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราพัฒนาและใช้ AI ได้อย่างมีความรับผิดชอบ เป็นธรรม เป็นส่วนตัว และปลอดภัย พร้อมทั้งลดการสร้างผลกระทบในทางที่ไม่ดีแก่สังคมให้ได้มากที่สุดการมีทักษะนี้จะช่วยให้สามารถพัฒนา AI ได้อย่างมีความรับผิดชอบ เป็นกลาง และโปร่งใส ลดความเสี่ยงด้านการเกิดอคติและการเลือกปฏิบัติของอัลกอริทึม ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางใจและการยอมรับให้กับระบบที่สร้างขึ้นได้ด้วยหากต้องการเสริมจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ สามารถทำได้โดยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ที่ควรมี รวมถึงเทคนิคต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย หรือเข้าร่วมหลักสูตรและเวิร์กช็อปที่องค์กรต่าง ๆ จัดขึ้นก็ได้เมื่อได้ทราบแล้วว่า Technical Skills ที่คนสายไอทีควรมีในยุค AI มีอะไรบ้าง ดังนั้น หากฝึกฝนทักษะเหล่านี้จนชำนาญ โอกาสที่จะได้ตำแหน่งงานดี ๆ ในอุตสาหกรรมนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก โดยใครที่กำลังมองหางานโปรแกรมเมอร์ที่ใช่ แนะนำให้สร้าง Resume ที่มีข้อมูลครบถ้วน นำเสนอจุดแข็งและทักษะของคุณเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ HR ด้วย Super Resume จาก JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง พร้อมมีรีวิวบริษัทที่เปิดรับทำงาน ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทดียิ่งขึ้นก่อนสมัครงานโปรแกรมเมอร์ และสายงานอื่น ๆ อีกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
[object Object]
รู้จัก 5 กลยุทธ์สร้าง Customer Experience ให้ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย การสร้าง Customer Experience (CX) ที่ดีจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด โดยเฉพาะสายงานด้านการบริการ เพื่อช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จทางธุรกิจ บทความนี้จะมาแนะนำ 5 กลยุทธ์สำคัญในการสร้าง CX ที่ช่วยดึงดูดใจลูกค้าให้ประสบความสำเร็จ5 กลยุทธ์การสร้าง Customer Experience ให้ธุรกิจเติบโตยั่งยืนทำไมควรให้ความสำคัญกับ Customer ExperienceCustomer Experience (CX) คือ กลยุทธ์สำคัญในการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) ที่มุ่งสร้างประสบการณ์อันดีให้แก่ลูกค้า ส่งผลต่อการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกค้ากับแบรนด์ นำไปสู่การซื้อซ้ำ การบอกต่อ และสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจในระยะยาว ซึ่งกลยุทธ์ CX นี้ ถือเป็นอาวุธสำคัญในการเอาชนะคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพประโยชน์ของการมี CX ที่ดีเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้นเพิ่มโอกาสลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ และรักษาฐานลูกค้าให้แนบแน่นลูกค้ารู้สึกดี มีความผูกพัน ภูมิใจ และสนับสนุนแบรนด์ช่วยให้แบรนด์มีชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่ดีในตลาด5 กลยุทธ์สำคัญในการสร้าง Customer Experience (CX)กลยุทธ์สำคัญในการสร้าง CX สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือขนาดใหญ่ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า และดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาสู่ธุรกิจได้เสมอกลยุทธ์ที่ 1: เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งกลยุทธ์แรกที่สำคัญที่สุด คือ การทำความเข้าใจลูกค้าว่า ลูกค้าเป็นใคร มีความต้องการและคาดหวังแบบไหน ธุรกิจควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าอย่างละเอียด ทั้งข้อมูลประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการบริโภค ไลฟ์สไตล์ เป็นต้น เพื่อนำมากำหนดวิธีสร้างกลยุทธ์ CX ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด ผ่านวิธีการที่หลากหลาย เช่น การทำวิจัยตลาด การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า หรือการพูดคุยกับลูกค้าโดยตรงกลยุทธ์ที่ 2: มอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายเมื่อเราเข้าใจลูกค้าที่ดีแล้ว กลยุทธ์ CX ต่อมา คือการมอบประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้า ซึ่งพวกเขาจะรู้สึกประทับใจและรู้สึกได้ว่าธุรกิจใส่ใจพวกเขาจริง ๆ เช่น การให้บริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาของลูกค้าอย่างรวดเร็ว พร้อมเสนอทางเลือกที่ดียิ่งกว่า หรือการมอบสิทธิพิเศษหรือส่วนลดให้แก่ลูกค้ากลยุทธ์ที่ 3: เชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างเป็นธรรมชาติวิธีสร้าง CX ให้ประสบความสำเร็จ นอกจากการตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของลูกค้าแล้ว ต้องหาแนวทางเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าตั้งแต่ก่อนลูกค้าใช้สินค้าหรือบริการ ไปจนถึงหลังการใช้งานเสร็จสิ้น เช่น การใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย การใช้โทนเสียงที่อบอุ่นเป็นกันเอง การเล่าเรื่องหรือสร้างประสบการณ์ที่สนุกสนานให้แก่ลูกค้า เป็นต้นกลยุทธ์ที่ 4: มอบประสบการณ์ที่สม่ำเสมอสิ่งสำคัญของการสร้าง CX ที่จะขาดไปไม่ได้ คือ การมอบประสบการณ์ของลูกค้าให้อย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ จุดสัมผัส (Touchpoint) ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสาร (เว็บไซต์, หน้าร้าน, โซเชียลมีเดีย, ฝ่ายบริการลูกค้า) รูปแบบการบริการ การแก้ไขปัญหา หรือแม้แต่บรรจุภัณฑ์ จะช่วยให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและจดจำแบรนด์ได้กลยุทธ์ที่ 5: มุ่งมั่นปรับปรุงอย่างต่อเนื่องการรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า จะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจความต้องการของลูกค้า และนำไปปรับปรุงประสบการณ์ CX ให้ดียิ่งขึ้น ธุรกิจควรมีช่องทางในการรับฟังความคิดเห็นจากลูกค้า เช่น การทำแบบสำรวจ การจัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นกับลูกค้าโดยตรง หรือการทำ Social Listening เพราะในโซเชียลมีเดียเป็นที่ที่ลูกค้ามักจะแสดงความคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมามากที่สุดทั้ง 5 กลยุทธ์นี้ เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นในการสร้าง CX ที่ดี ธุรกิจควรปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทและความต้องการของธุรกิจ เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และมีโอกาสประสบความสำเร็จทางธุรกิจในระยะยาวสำหรับคนที่สนใจงานด้านบริการ การสร้าง Customer Experience (CX) ตำแหน่งฝ่ายขาย เป็นอาชีพที่ไม่ควรพลาด เพื่อสร้างรายได้ที่ดี สามารถเข้ามาหางานได้ที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางาน ตำแหน่งพนักงานขาย เซลล์ขายของ ที่ครอบคลุมทุกบริษัทชั้นนำในไทย พร้อมอัปเดตตำแหน่งใหม่ สร้างโอกาสได้ทุกวัน นอกจากนี้ยังมี Super Resume ที่ช่วยให้คุณสร้าง Resume อย่างมืออาชีพอีกด้วย พร้อมนำเสนอคุณให้โดดเด่นกว่าใคร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของเราได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
[object Object]
แจกสูตรสำเร็จ วิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษให้ HR สนใจคุณ!ภาษาอังกฤษ ภาษาสากลที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก และถือเป็นใบเบิกทางสำคัญที่จะพาคุณก้าวหน้าไปได้ไกลกว่าในโลกของการทำงาน ดังนั้น ใครที่กำลังเตรียมจะเขียนเรซูเม่เพื่อสมัครงาน หรือเพื่อเปลี่ยนงานใหม่ อย่าพลาดบทความนี้ เพราะเรามีวิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษแบบเด็ด ๆ มาแนะนำ รับรองว่าทำตามแล้ว จะทำให้เรซูเม่ของคุณดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น เพิ่มโอกาส Go Inter ในองค์กรต่างชาติได้แน่นอน!เปิดวิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษระดับโปร Go Inter ได้ไม่ยาก!ข้อดีของการรู้วิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษแม้ในประเทศไทย เราจะมีภาษาไทยเป็นภาษาหลัก ใช้ในการติดต่อสื่อสารกันทั้งในคนทั่วไป ติดต่อราชการ หรือการทำงานร่วมกับองค์กรและบริษัทหลายแห่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าหากอยากเติบโตในระดับนานาชาติ ภาษาอังกฤษก็เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเช่นกัน และนี่คือประโยชน์ที่จะได้รับ หากคุณรู้วิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษ และสามารถนำเสนอตัวเองออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มโอกาสได้งานในบริษัทต่างชาติขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทต่างชาติ มีพนักงานหลายชาติ หลายภาษา ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นตัวกลางการสื่อสาร ซึ่งหากคุณเขียนเรซูเม่เป็นภาษาอังกฤษ ก็มีโอกาสได้รับการพิจารณาจากนายจ้างที่เป็นชาวต่างชาติได้มากขึ้น มีอัตราการก้าวหน้าสูง หรืออาจได้ย้ายไปประจำที่สำนักงานใหญ่และสาขาในประเทศอื่น ๆ เลยทีเดียวสร้างภาพลักษณ์ที่เป็นมืออาชีพการเขียนเรซูเม่เป็นภาษาอังกฤษ จะทำให้คุณดูเป็นมืออาชีพ เป็นคนที่พร้อมจะสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายซึ่งเป็นชาวต่างชาติ ต่างภาษาได้เป็นอย่างดี ช่วยเพิ่มความประทับใจให้ผู้สัมภาษณ์ นำไปสู่โอกาสการได้งานที่สูงขึ้นมีโอกาสเรียกเงินเดือนได้สูงขึ้นแน่นอนว่า HR หัวหน้างาน และผู้บริหาร ต้องพิจารณาฐานเงินเดือนจากความรู้ ความสามารถ และทักษะที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น หากคุณมีทักษะภาษาอังกฤษที่แข็งแรง ฟัง พูด อ่าน และเขียนได้อย่างคล่องแคล่ว ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่จะใช้เพิ่มเงินเดือนให้ตัวเองได้ด้วยเช่นกันวิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษอย่างเป็นมืออาชีพเมื่อรู้แล้วว่าการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษมีความสำคัญอย่างไรต่อการสมัครงาน แต่สำหรับหลายคน ภาษาอังกฤษก็เปรียบเสมือนยาขมที่ได้ยินแล้วต้องเบ้หน้าใส่ หากจะให้เขียนเรซูเม่เป็นภาษาอังกฤษคงจะเป็นเรื่องยากเกินความสามารถ บอกเลยว่าอย่าเพิ่งกังวลไป เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด หากมีความพยายาม หมั่นฝึกฝน และกล้าพูด กล้าเขียน ก็สามารถเรียนรู้จนพูดคล่องได้เช่นกัน และสำหรับใครที่ยังไม่รู้วิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษ ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นเขียนอย่างไร ต้องใส่ข้อมูลอะไรบ้าง เรามีวิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษฉบับมืออาชีพที่ HR เห็นแล้วต้องสนใจจนเรียกสัมภาษณ์มาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลยจัดวางข้อมูลอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ใส่ช่องทางการติดต่อให้ครบถ้วนการจัดลำดับข้อมูลถือเป็นหัวใจสำคัญในการเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษ คุณต้องรู้ว่าควรใส่ข้อมูลอะไรก่อน อะไรหลัง โดยส่วนใหญ่จะเรียงจากประวัติส่วนตัวอย่างชื่อ นามสกุล และอายุ แล้วตามด้วยช่องทางการติดต่อ ได้แก่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ จากนั้นจึงเป็นประวัติการศึกษาโดยไล่จากระดับชั้นที่สูงที่สุด ตามด้วยจุดมุ่งหมายในการทำงาน ประสบการณ์ทำงาน ทักษะ และรางวัลที่เคยได้รับใส่รูปถ่ายของตัวเองลงในเรซูเม่ทุกครั้งนอกจากข้อมูลสำคัญที่ควรใส่ไว้ให้ครบถ้วนแล้ว อย่าลืมใส่รูปถ่ายของตัวเองลงในเรซูเม่ทุกครั้ง โดยควรเลือกรูปที่เป็นทางการ สุภาพ น่าเชื่อถือ ดูมีความเป็นมืออาชีพ และควรเป็นรูปที่ถ่ายมาแล้วไม่เกิน 6 เดือน เพื่อให้ HR และผู้สัมภาษณ์รู้จักหน้าตาและได้เห็นบุคลิกภาพในเบื้องต้นเขียน Executive Summary หลังข้อมูลส่วนตัวอีกหนึ่งวิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษให้โดดเด่น ถูกใจ HR คือการเขียน Executive Summary เอาไว้หลังข้อมูลส่วนตัว ซึ่ง Executive Summary เป็นการสรุปจุดเด่นและประสบการณ์ทำงานของคุณโดยย่อ แม้ว่าจะเป็นย่อหน้าสั้น ๆ แต่บอกเลยว่าทรงพลังและดึงดูดใจผู้อ่านได้ดีมากเลือกใช้คำศัพท์ระบุระดับความรู้หรือทักษะให้เห็นภาพทักษะต่าง ๆ คือสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการเขียนเรซูเม่ หากอยากบอกระดับความสามารถของทักษะนั้น ๆ ควรหลีกเลี่ยงการให้คะแนนเป็นตัวเลข แต่ควรใช้คำศัพท์ที่เห็นภาพกว่าแทน ได้แก่Novice ระดับมือใหม่Beginner ระดับผู้เริ่มต้นCompetent ระดับที่สามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเองProficient ระดับที่มีความชำนาญ ปฏิบัติงาน และแก้ไขปัญหาเองได้Expert ระดับผู้เชี่ยวชาญ ปฏิบัติงานเองได้และสามารถให้คำปรึกษากับผู้อื่นได้ระบุบุคคลที่สามารถอ้างอิงความรู้ความสามารถของเราได้การใส่บุคคลอ้างอิง หรือ Referral Person พร้อมช่องทางการติดต่อ คืออีกหนึ่งวิธีเขียนเรซูเม่ภาษาอังกฤษที่ไม่ควรมองข้าม เพราะพวกเขาจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แก่คุณ ทำให้องค์กรมั่นใจว่าคุณมีความรู้ความสามารถจริง และเป็นคนที่น่าร่วมงานด้วยนั่นเองตรวจสอบความถูกต้องให้ดีก่อนส่งสุดท้าย อย่าลืมตรวจทานเรซูเม่ให้ดีก่อนกดส่ง โดยควรตรวจสอบทั้งความถูกต้องของคำศัพท์ ตัวสะกด การเว้นวรรค ไวยากรณ์ และระดับภาษาให้ดี ป้องกันเกิดข้อผิดพลาด ทำให้ผู้สัมภาษณ์เข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะนั่นอาจทำให้คุณเสียโอกาสได้งานที่ใช่ไปอย่างน่าเสียดายทำ Resume สมัครงานฉบับภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มโอกาสได้งานในบริษัทที่ใช่ด้วย Super Resume จาก JOBTOPGUN นำเสนอจุดเด่นของคุณได้อย่างครบถ้วน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง มียอดผู้ลงทะเบียนใช้งานกว่า 4.8 ล้านคน ตลอด 23 ปีที่ผ่านมา สามารถใช้งานได้ฟรีที่เว็บไซต์ของเรา หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ของเราได้ที่เบอร์ 02-853-6999
[object Object]
วิธีเลือกงาน Part Time ให้ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และรายได้ในปัจจุบัน การทำงาน Part Time กลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้คนหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา พนักงานประจำ หรือแม้แต่ผู้ที่ว่างงานที่ต้องการหารายได้เสริม หรือเพิ่มทักษะประสบการณ์ในการทำงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ตลาดแรงงานในอนาคตอย่างไรก็ตาม การเลือกงาน Part Time ให้ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และรายได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน บทความนี้จึงจะนำเสนอเทคนิคการเลือกงาน Part Time ให้ตรงกับความต้องการ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจเลือกงานที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุดเทคนิคการเลือกงาน Part Time ให้ตรงกับความต้องการประโยชน์ของการทำงาน Part Timeงาน Part-time เป็นงานที่ทำนอกเหนือจากงานประจำ อาจเป็นงานที่ทำเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน ขึ้นอยู่กับลักษณะงานและความต้องการของนายจ้าง ถึงแม้ว่างาน Part Time จะไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของเงินเดือนเท่างานประจำ แต่ก็มีประโยชน์มากมายที่คุณอาจยังไม่รู้สร้างรายได้เสริม ให้มีเงินเก็บเพิ่ม มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือมีเงินทุนสำหรับการศึกษาต่อหรือการลงทุนในอนาคตเพิ่มทักษะและประสบการณ์ในการทำงาน เช่น ทักษะด้านการสื่อสาร ทักษะด้านการทำงานเป็นทีม ทักษะด้านการบริหารเวลา ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคตเรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร ช่วยให้เข้าใจองค์กรและปรับตัวเข้ากับการทำงานในองค์กรได้ง่ายขึ้นสร้างเครือข่ายเพื่อนร่วมงาน ได้รู้จักเพื่อนร่วมงานใหม่ ๆ การมีเพื่อนร่วมงานที่ดีจะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพมากขึ้นเทคนิคการเลือกงาน Part Time ให้ตรงกับความต้องการงาน Part Time เป็นแหล่งรายได้เสริมสำหรับผู้ที่ทำงานประจำหรือนักเรียนนักศึกษา และเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มทักษะและประสบการณ์ในการทำงาน โดยการเลือกงาน Part Time ให้ตอบโจทย์ ควรพิจารณาดังนี้1. พิจารณาเวลาว่างสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก่อนเลือกงาน Part Time คือเวลาว่างของตนเองมีอยู่มากน้อยแค่ไหน ควรเลือกงานให้สอดคล้องกับเวลาว่างของตนเอง เนื่องจากบางงาน Part Time อาจมีช่วงเวลาทับซ้อนกับงานประจำหรือการเรียน ที่ส่งผลเสียต่อหน้าที่หลักได้สำหรับคนที่มีเวลาว่างค่อนข้างมาก สามารถเลือกงาน Part Time ได้ทุกประเภท แต่หากมีเวลาว่างจำกัด ก็ควรเลือกงาน Part Time ที่อยู่ในช่วงเวลาไม่กระทบกับงานประจำหรือการเรียน เช่น งานในร้านอาหารหรือร้านกาแฟ ที่สามารถทำได้ในช่วงเย็นหรือวันหยุด2. สำรวจทักษะความสามารถมาสำรวจทักษะความสามารถของตนเองว่ามีความถนัดด้านใดหรือมีทักษะพิเศษอะไรบ้าง เพราะการทำงาน Part Time ที่ชอบหรือถนัด จะทำให้การทำงานสนุกและมีความสุขมากขึ้น ส่งผลให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล มีโอกาสพัฒนาและต่อยอดเป็นงานประจำที่ดีและเหมาะสมได้ในอนาคต3. พิจารณารายได้รายได้ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือกงาน Part Time ไม่ควรเลือกงานที่รายได้ต่ำจนเกินไป เพราะอาจไม่คุ้มค่ากับเวลาและแรงกายที่เสียไป หรือบางงานให้รายได้ที่สูง แต่อาจต้องทำงานหนักหรือทำงานในเวลาที่ไม่สะดวก ต้องกระทบกับการเรียนหรืองานประจำที่ทำอยู่ดังนั้น เราควรเลือกงาน Part Time ที่มีรายได้เพียงพอ กับความต้องการและเป้าหมายของเรา โดยคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น เวลาว่าง และความสอดคล้องกับการเรียนหรืองานประจำของเราด้วย4. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทการเลือกงาน Part Time ที่ดี ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือองค์กรให้รอบคอบก่อนสมัคร เช่น ประวัติของบริษัท วัฒนธรรมองค์กร สวัสดิการพนักงาน จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมของการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรได้ชัดเจนขึ้น5. เตรียมตัวสัมภาษณ์งานเมื่อคุณได้งาน Part Time ที่คุณสนใจแล้ว ควรเตรียมตัวสัมภาษณ์งานให้พร้อม โดยศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทหรือองค์กร เตรียมคำถามที่อาจถูกถาม ฝึกซ้อมตอบคำถามให้คล่องแคล่ว และการแต่งกายที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้งานมากขึ้นวิธีการเลือกงาน Part Time ข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้คุณได้งานที่ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และรายได้ แต่หากต้องการเพิ่มโอกาสให้ได้งาน Part Time ที่ดีและใช่ยิ่งขึ้น มาที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่งในไทย ที่ดูแลให้คุณหางาน Part Time ได้ง่าย และช่วยคุณสร้าง Resume อย่างมืออาชีพด้วย Super Resume เพื่อนำเสนอจุดแข็งและทักษะของคุณจนสร้างความประทับใจให้แก่ HR เพื่อให้คุณโดดเด่นกว่าใคร และยังมีรีวิวบริษัทที่เปิดรับทำงาน ที่ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทตามความจริง ดูแลให้คุณได้งานที่ดี สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
[object Object]
แนะนำ! งานฟรีแลนซ์ยอดนิยมที่เหมาะกับคนรุ่นใหม่ มีอะไรบ้างในปัจจุบันการทำงานฟรีแลนซ์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากมีความยืดหยุ่นในการทำงาน สามารถทำจากที่ไหนก็ได้ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการอิสระในการทำงานและต้องการแบ่งเวลาในการใช้ชีวิตให้มากขึ้นโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ การทำฟรีแลนซ์จึงเป็นอาชีพที่ถูกใจตามไลฟ์สไตล์ของเด็กรุ่นใหม่ แต่บางคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่างานฟรีแลนซ์ต้องทำอะไรและมีอะไรบ้าง วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบพร้อมกันเปิดไอเดียการหางาน! อาชีพฟรีแลนซ์ที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง?อาชีพฟรีแลนซ์ คืออะไรอาชีพฟรีแลนซ์ (Freelance) คืออาชีพรับจ้างอิสระ ที่ไม่ขึ้นตรงต่อหน่วยงาน หรือบริษัทใด ๆ โดยจะต้องจัดตารางเวลาการทำงานของตนเอง และทำการตกลงรับเงินจากนายจ้างตามความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย โดยมีข้อดี ดังนี้มีอิสระในการทำงาน สามารถเลือกเวลาทำงานเองได้มีรายได้ที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับจำนวนงานที่ได้รับสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ประจำที่อาจได้ลองทำงานกับหลากหลายบริษัทอาชีพฟรีแลนซ์ยอดนิยมมีอะไรบ้างงานออกแบบ กราฟิกดีไซน์งานกราฟิกดีไซน์ นับว่าเป็นอาชีพยอดนิยมของการทำฟรีแลนซ์ เนื่องจากเป็นงานที่สามารถทำสำเร็จได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องติดต่อประสานงานมากมาย เพียงแค่รับบรีฟและสร้างผลงานกราฟิกให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเท่านั้น โดยมีหลากหลายรูปแบบทั้งงานออกแบบเพื่อการตลาด หรือการทำดีไซน์สำหรับผลิตภัณฑ์UI / UX Designหนึ่งในตำแหน่งงานที่กำลังมาแรง ทั้งในสายงานฟรีแลนซ์และงานประจำ ซึ่งเป็นงานออกแบบ UI (User Interface) ในด้านการใช้งานเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน ทั้งในส่วนการจัดวางองค์ประกอบ ปุ่มกด สี ขนาดตัวอักษร ให้สวยงามและใช้งานง่าย ตามหลักการ UX (User Experience) ซึ่งต้องเข้าใจความต้องการของผู้ใช้อย่างลึกซึ้งและมีทักษะการออกแบบที่สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และความสวยงามเข้าด้วยกันได้อย่างสร้างสรรค์Content Writerในยุคสมัยที่แบรนด์น้อยใหญ่ต่างพากันสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ การสร้างสื่อ Content จึงมีความสำคัญอย่างมากในการสร้างการรับรู้ให้ผู้คนติดตามและรู้จักแบรนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบทความทางเว็บไซต์ หรือเขียนข้อมูลแบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์ ผ่านทางสื่อโซเชียลงานเขียนโปรแกรมงานเขียนโปรแกรม หรือที่รู้จักกันในชื่ออาชีพโปรแกรมเมอร์ เป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างระบบหรือซอฟต์แวร์ที่ทำงานตามความต้องการของผู้ใช้ โดยมีทั้งการเขียนโปรแกรมพัฒนาเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน รวมถึงซอฟต์แวร์ ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในอาชีพที่เป็นที่ต้องการ เนื่องจากหลายบริษัทก็ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลให้ทันสมัยตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากที่สุดงานแปลภาษางานแปลภาษา นับว่าเป็นงานฟรีแลนซ์ที่น่าสนใจ เพราะเป็นหนึ่งในงานที่มีรายได้สูง สามารถทำที่ไหนก็ได้ แค่เพียงส่งให้ทันกำหนด โดยเฉพาะหากเป็นภาษาที่ 3 ก็จะยิ่งได้ค่าตอบแทนสูงยิ่งขึ้น ซึ่งการทำงานแปลภาษาจำเป็นต้องมีความถนัดทั้งภาษาต่างประเทศและภาษาไทย เพราะจะต้องทำความเข้าใจประโยค หรือข้อความจากภาษาหนึ่ง และนำมาจัดเรียงข้อความให้เหมาะสมกับบริบทของอีกภาษาโดยที่ยังคงใจความเดิมการเลือกทำงานฟรีแลนซ์ต้องคำนึงถึงอะไรบ้างความถนัดของตนเองก่อนตัดสินใจเลือกทำอาชีพฟรีแลนซ์ ควรสำรวจความถนัดของตัวเองเสียก่อนว่ามีทักษะและประสบการณ์ในด้านไหน เพื่อเลือกงานที่ถนัดและนำมาต่อยอดทำฟรีแลนซ์ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการทำฟรีแลนซ์จะต้องบริหารจัดการเวลาและงานของตนเองโดยไม่มีทีม หรือคนอื่นคอยช่วยเมื่อเกิดปัญหา หากเริ่มต้นกับงานที่ไม่ถนัดก็อาจทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าปกติ จนเกิดความเสี่ยงในการส่งงานล่าช้าได้สำรวจความต้องการของท้องตลาดนอกจากความถนัดแล้ว การสำรวจความต้องการของท้องตลาดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากสิ่งที่เราถนัดไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดก็อาจทำให้งานที่เข้ามามีไม่มากนัก จึงควรวิเคราะห์ตลาดให้ดีก่อนเริ่มต้นหางานฟรีแลนซ์ โดยดูว่าจากความถนัดที่มี ตอนนี้กำลังมีงานรูปแบบไหนที่เป็นที่นิยมบ้าง แล้วนำมาเป็นข้อมูลเพื่อนำเสนอสิ่งที่ตลาดต้องการมากที่สุดความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่การทำฟรีแลนซ์เป็นงานที่มีความท้าทายอย่างมาก โดยเฉพาะหากคุณไม่มีทีมคอยคัดกรองรายละเอียดของงานให้ดี ทำให้ในบางครั้งต้องมีการติดต่อประสานงานที่อาจเกินขอบเขตหน้าที่ หรือมีงานใหม่ที่เข้ามาท้าทายความสามารถอยู่เสมอ การเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อนำมาต่อยอดงานอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะยิ่งคุณมีทักษะ หรือความถนัดในหลายด้านมากเท่าไร ก็จะทำให้คุณสามารถรับงานฟรีแลนซ์ได้หลากหลาย สร้างรายได้มากยิ่งขึ้นหากต้องการสมัครงานพาร์ตไทม์ด้วยการทำงานฟรีแลนซ์ สามารถหาข้อมูลได้ที่ JOBTOPGUN แอปที่ตอบโจทย์ทั้งการหางานฟลูไทม์และหางานพาร์ตไทม์ โดยมีการอัปเดตใหม่ทุกวันจากบริษัทชั้นนำมากมายในไทย ในโลเคชันที่ใกล้ และมีค่าตอบแทนสมเหตุสมผล เลือกระยะเวลาสัญญาได้ตามต้องการ พร้อมสร้างความประทับใจให้ HR ได้ง่ายด้วย Super Resume ที่ช่วยนำเสนอให้บริษัทชั้นนำเห็น ‘ความสามารถ’ และ ‘จุดแข็ง’ ของคุณได้อย่างครบถ้วน อีกทั้งยังมีรีวิวบริษัทที่เปิดรับทำงาน ช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนสมัครงาน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
[object Object]
5 เทคนิคเตรียมตัวหางานก่อนเรียนจบ รู้ก่อนหางานได้ไวก่อนใครจบการศึกษาแล้ว จะได้งานทำหรือไม่? คงเป็นคำถามที่นักศึกษาหลายคนกังวลใจ เพราะการหางานไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานมากนัก ดังนั้น การเตรียมตัวหางานตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้เราสามารถแข่งขันกับคนอื่นได้ และมีโอกาสได้งานในตำแหน่งที่เราต้องการในบทความนี้จะมาแนะนำ 5 เทคนิคเตรียมตัวหางานก่อนเรียนจบ เพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นหางานได้อย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จได้ก่อนใครอยากหางานดี ๆ ก่อนเรียนจบ ต้องทำอย่างไร?5 เทคนิคเตรียมตัวหางานก่อนเรียนจบ ให้ได้งานแบบปัง ๆการเตรียมตัวหางานก่อนเรียนจบเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเริ่มต้นหางานได้อย่างมั่นใจ และประสบความสำเร็จได้ก่อนใคร ในวันนี้เรามีเทคนิคดี ๆ ที่อยากแนะนำดังนี้เทคนิคที่ 1 หาตัวเองให้เจอว่าชอบงานแบบไหนก่อนหางาน สิ่งสำคัญคือต้องค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไร สนใจอะไร มีทักษะอะไรบ้าง ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสายอาชีพต่าง ๆ จะช่วยให้เราเลือกงานในสายอาชีพที่ตรงกับความสนใจและความสามารถ ทำให้เราทำงานแล้วมีความสุข หางานได้ก่อนเรียนจบเทคนิคที่ 2 สร้างเครือข่ายในสายอาชีพที่เราสนใจการสร้างเครือข่ายกับคนที่ทำงานในสายอาชีพที่เราสนใจ เป็นวิธีที่จะช่วยให้เราได้รับข้อมูลและคำแนะนำต่าง ๆ ที่ช่วยเตรียมตัวหางานที่เหมาะสมกับเราได้ เช่น การเข้าร่วมงานอีเวนต์ต่าง ๆ หรืองาน Job Fair ที่จัดขึ้นเพื่อรวมคนในแวดวงเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ผู้นำองค์กร หรือผู้มองหางาน ได้มาเจอกันและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การหางานก่อนเรียนจบที่ดีได้อีกด้วยเทคนิคที่ 3 ลองไปฝึกงานหรือทำงานพาร์ตไทม์อีกหนึ่งเทคนิคการเตรียมตัวหางานที่ดี คือการฝึกงานหรือลองทำงานพาร์ตไทม์ เพราะช่วยให้เราเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานจริง พัฒนาทักษะ และเรียนรู้การทำงานในสายงานที่เราสนใจ นอกจากนี้ยังทำให้เราได้รู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ ในวงการธุรกิจ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในการหางานในอนาคตของเราได้เทคนิคที่ 4 เตรียมเรซูเม่และพอร์ตสะสมงานให้พร้อมเรซูเม่และจดหมายสมัครงาน เป็นด่านแรกที่ผู้สัมภาษณ์จะตัดสิน คนที่อยากได้งานดี ตอบโจทย์ความต้องการ ควรเตรียมเรซูเม่และพอร์ตสะสมงานให้พร้อมและสมบูรณ์แบบตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลต่าง ๆ ถูกต้อง ครบถ้วน และตรงกับตำแหน่งงานที่เราสมัคร ช่วยเพิ่มโอกาสได้งานก่อนเรียนจบเทคนิคที่ 5 ฝึกการสัมภาษณ์งานเป็นประจำการสัมภาษณ์งานเป็นโอกาสสำคัญเพื่อพิสูจน์ศักยภาพของเราต่อบริษัท ดังนั้นเราควรเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งทักษะการตอบสัมภาษณ์ การลิสต์คำถามที่พบบ่อยและแนวคำตอบที่บ่งบอกคุณภาพและสร้างความน่าประทับใจ จะช่วยให้เรามั่นใจและประสบความสำเร็จในการสัมภาษณ์งานได้นอกจากนี้ ควรเตรียมตัวหางานตั้งแต่เนิ่น ๆ อย่างน้อย 1 ปีก่อนเรียนจบ รวมถึงทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับตลาดแรงงานและแนวโน้มของอาชีพต่าง ๆ จะช่วยให้เราเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม มีโอกาสได้งานตรงกับสายอาชีพและความสามารถของตนเองแนะนำการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสัมภาษณ์งานหนึ่งในโอกาสอันดีที่จะแสดงให้เห็นว่าเรามีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้น ๆ และสามารถทำงานให้บริษัทได้ คือ การสัมภาษณ์งาน ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการสัมภาษณ์จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อสร้างโอกาสได้งานที่ดีมากขึ้น โดยจะมาแนะนำทริกดี ๆ ดังนี้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทและตำแหน่งงานที่เราสมัครอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมองค์กร หน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งงาน และคุณสมบัติของผู้สมัครที่บริษัทต้องการสร้างบุคลิกภาพที่ดี โดยการนั่งตัวตรง ยืดไหล่เล็กน้อย ช่วยให้ตัวดูสง่าผ่าเผยและเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง รวมถึงการยิ้มแย้มแจ่มใส และสบตาผู้สัมภาษณ์ จะแสดงให้เห็นถึงการตั้งใจฟัง และสนใจในเนื้อหาที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูดอยู่ตอบคำถามอย่างตรงประเด็น เลือกใช้คำที่กระชับ ชัดเจน และมีความเฉพาะเจาะจง หลีกเลี่ยงการตอบคำถามแบบกว้าง ๆ หรือตอบคำถามโดยที่ไม่ตอบคำถามเตรียมถามคำถามกลับ เป็นการแสดงออกถึงความกระตือรือร้นและความสนใจในบริษัท ควรถามคำถามที่แสดงให้เห็นว่าเรามีความรู้เกี่ยวกับบริษัทและตำแหน่งงานที่เราสมัครขอบคุณผู้สัมภาษณ์ เป็นการขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์งานและแสดงออกถึงความกระตือรือร้นที่จะร่วมงานกับบริษัทนั้น ๆหากเรามีการเตรียมตัวหางานก่อนเรียนจบที่ดีแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจ สามารถเข้ามาหางานดี ๆ ที่ตอบโจทย์ความชอบได้ที่ JOBTOPGUN แอปหางานที่อัปเดตใหม่ทุกวันจากบริษัทชั้นนำมากมายในไทย ดูแลให้คุณได้งานง่าย ด้วย Super Resume ที่ให้คุณสร้าง Resume อย่างมืออาชีพ พร้อมนำเสนอคุณให้โดดเด่นกว่าใคร และยังมีรีวิวบริษัท ที่ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทตามความจริง ดูแลให้คุณได้งานที่ดี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
[object Object]
บอกต่อ 5 อาชีพเสริมหลังเลิกงาน รายได้ดีคุ้มค่าเวลาในยุคนี้ การมีรายได้เพียงช่องทางเดียวอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงนิยมมีอาชีพเสริมหลังเลิกงานประจำ และถ้าหากคุณคือหนึ่งในคนที่มีเวลาว่าง และอยากเปลี่ยนเป็นรายได้ แต่ก็ยังไม่เจองานที่ตอบโจทย์ความต้องการ บทความนี้จะมาแนะนำ 5 อาชีพหลังเลิกงานที่น่าสนใจ รายได้ดี คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป และได้ฝึกทักษะอื่น ๆ ไปในตัวด้วย ติดตามได้เลยเปลี่ยนเวลาว่างให้เป็นรายได้ด้วย 5 อาชีพเสริมหลังเลิกงานรับส่งคน อาหาร สิ่งของ ผ่านแอปพลิเคชันถ้าคุณมีมอเตอร์ไซค์หรือรถยนต์เป็นของตัวเอง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมองข้ามอาชีพเสริมหลังเลิกงานแรกที่บทความนี้แนะนำ อย่างการ “รับส่งคน อาหาร สิ่งของ ผ่านแอปพลิเคชัน” โดยถึงแม้อาชีพนี้จะได้รับความนิยม และมีคนแห่กันมาทำจำนวนมาก แต่ความต้องการในตลาด (Supply) ก็มีสูงเช่นเดียวกัน เนื่องจากไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปของคนยุคนี้ พวกเขานิยมใช้บริการรับส่งผ่านแอปพลิเคชัน ต่อให้บางครั้งจะต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่า ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการต้องเสี่ยงดวงเรียกแท็กซี่หรือวินมอเตอร์ไซค์ที่มีโอกาสถูกเอาเปรียบ เงินที่เสียไปย่อมคุ้มค่ากับมาตรฐานและความอุ่นใจที่ได้รับจุดเด่นของอาชีพหลังเลิกงานนี้คือ “ความอิสระ” เพราะสามารถเลือกเวลาทำงานได้ตามชอบ อยากทำวันละกี่ชั่วโมงก็ได้ หรือวันไหนเหนื่อยจากงานประจำจนทำไม่ไหว ก็ไม่มีใครว่า ด้วยเหตุนี้ ถ้ากำลังมองหาอาชีพเสริมที่ใช้เวลา 4-6 ชั่วโมง แลกกับรายได้ประมาณ 300-500 บาท การรับส่งคน อาหาร สิ่งของ ผ่านแอปพลิเคชันก็ถือว่าตอบโจทย์เขียนนิยายออนไลน์รู้หรือไม่ว่านักเขียนนิยายออนไลน์ที่ยอดอ่านติดท็อปชาร์ตของแอปพลิเคชันยอดฮิตแอปหนึ่งสามารถสร้างรายได้ “หลักล้านบาท” เลยทีเดียว ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเขียนนิยายแล้วไปวางขายในแพลตฟอร์มออนไลน์คืออาชีพเสริมหลังเลิกงานที่น่าสนใจอย่างยิ่งในยุคนี้ โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีจินตนาการสูง สนุกกับการสร้างสรรค์เรื่องราว บวกกับทักษะการเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร ที่ไม่ต้องถึงระดับอาจารย์ภาษาไทย แค่เขียนไม่วกไปวนมา และใช้ศัพท์อย่างถูกต้องก็เพียงพอแล้วสำหรับการเขียนนิยายออนไลน์ในปัจจุบัน มีแพลตฟอร์มออนไลน์มากมายที่เปิดให้ทุกคนสามารถนำนิยายที่ตัวเองเขียนไปวางจำหน่าย โดยแบ่งเปอร์เซนต์รายได้จากยอดขาย นักเขียนกับนักอ่านจึงใกล้ชิดกันมากขึ้น ไม่ต้องพึ่งพาสำนักพิมพ์อีกต่อไป นอกจากนั้น จุดเด่นของอาชีพหลังเลิกงานนี้คือรายได้ที่จะเข้ามาเรื่อย ๆ ต่อให้เราไม่ได้เขียนแล้วก็ตาม เพราะนิยายออนไลน์สามารถวางขายได้ตลอด ไม่มีวันหมดอายุเหมือนสินค้าประเภทอื่น และทางแพลตฟอร์มไม่ได้เก็บค่าใช้จ่ายในการจำหน่ายดีเจสำหรับมนุษย์ Extrovert ที่ไม่ชอบการนั่งทำงานเงียบ ๆ หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่มีความสุขในการพบเจอผู้คน ได้สร้างบรรยากาศแห่งความสนุกสนานผ่านเสียงเพลง “ดีเจ” อาจเป็นอาชีพเสริมหลังเลิกงานที่เหมาะกับคุณ โดยในปัจจุบัน มีพื้นที่ให้ดีเจได้แสดงความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร บาร์ รวมถึงงานอีเวนต์ต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะจัดในช่วงกลางคืน ทำให้เวลาไม่ทับซ้อนกับงานประจำของคนส่วนใหญ่จริงอยู่ที่การจะเป็นดีเจที่น่าเชื่อถือพอให้ผู้ว่าจ้างยอมจ่ายเงินให้ไปเล่น ต้องใช้ต้นทุนพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์ประมาณหลักหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงหลายหมื่นบาท รวมถึงเวลาที่ต้องทุ่มให้กับการเรียนรู้ ซักซ้อม แต่ถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับคุณ ดีเจถือเป็นอาชีพหลังเลิกงานที่น่าสนใจอย่างมากในยุคนี้คอนเทนต์ครีเอเตอร์เพียงมีโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง กับความคิดสร้างสรรค์ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็น “คอนเทนต์ครีเอเตอร์” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้ที่มีแพลตฟอร์มมากมาย รองรับคอนเทนต์ที่หลากหลาย ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะถนัดการถ่ายคลิปวิดีโอสั้น วิดีโอยาว หรือจะมาแค่เสียงอย่างเดียวในรูปแบบพอดแคสต์ ก็สามารถใช้เวลาหลังเลิกงานเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ข้อดีของอาชีพเสริมหลังเลิกงานรูปแบบนี้คือ ต้นทุนน้อย หรือแทบจะไม่มีต้นทุนเลยถ้าคุณมีสมาร์ตโฟนอยู่แล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อใช้ต้นทุนน้อย คู่แข่งก็เยอะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่ว่าใครก็ทำได้ ดังนั้น ถ้าอยากเริ่มเส้นทางนี้ สิ่งสำคัญคือต้องหาเอกลักษณ์ตัวเองให้เจอสตาฟในงานอีเวนต์ต่าง ๆเคยสังเกตไหม เวลาเราไปงานอีเวนต์ต่าง ๆ เช่น คอนเสิร์ต หรือมหกรรมจัดแสดงสินค้า จะมีสตาฟจำนวนมากคอยประจำการตามจุดต่าง ๆ เพื่อให้บริการตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่รู้หรือไม่ว่าสตาฟส่วนใหญ่ที่เราเห็นไม่ใช่พนักงานประจำ ทว่าเป็นการจ้างในรูปแบบฟรีแลนซ์รายครั้ง และที่สำคัญคือค่าจ้างที่ได้รับค่อนข้างดีด้วย เริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยปลาย ๆ ไปจนถึงหลายพันบาท ดังนั้น ถ้าคุณมีทักษะในการจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดี นี่คืออีกหนึ่งทางเลือกอาชีพหลังเลิกงานที่ไม่ควรมองข้ามทั้งหมดนี้เป็นเพียงไอเดียอาชีพเสริมหลังเลิกงานส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนใครที่กำลังมองหางานเสริม หางานพิเศษ และอยากได้งานหลังเลิกงานรายได้ดี ตอบโจทย์ความต้องการ แนะนำให้สร้าง Resume ที่มีข้อมูลครบถ้วน นำเสนอจุดแข็งและทักษะของคุณเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ HR ด้วย Super Resume จาก JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง พร้อมมีรีวิวบริษัทที่เปิดรับทำงาน ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทดียิ่งขึ้นก่อนสมัครงาน มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วถึง 4.7 ล้านคน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
[object Object]
เปิดวิธีรับมือ Generation Gap ปัญหาที่คนทำงานต้องเจอหนึ่งในปัญหาที่ทำให้คนทำงานหลาย ๆ คนต้องหนักใจ เมื่อทำงานร่วมกันในองค์กรที่มีคนหลายรุ่น หลายวัย ก็คงหนีไม่พ้นปัญหาความไม่เข้าใจกันที่เกิดจาก Generation Gap นั่นเอง โดยในบทความนี้เราจะพาคุณมารู้จักว่า Generation Gap คืออะไรกันแน่ มักก่อให้เกิดปัญหารูปแบบใดบ้าง รวมถึงเราจะมีวิธีการรับมือกับปัญหานี้ในที่ทำงานได้อย่างไรบ้างGeneration Gap คืออะไร ควรรับมืออย่างไรเมื่อต้องทำงานร่วมกันGeneration Gap คืออะไร ?Generation Gap คือช่องว่างระหว่างวัย ซึ่งหมายถึงความแตกต่างทางความคิด ความเชื่อ ทัศนคติในการใช้ชีวิตและการทำงาน รวมถึงความต่างทางค่านิยมของคนในช่วงวัยที่แตกต่างกันความแตกต่างระหว่างวัยนี้อาจเกิดขึ้นได้จากความแตกต่างกันไปในสังคมตามช่วงเวลาที่คนในแต่ละวัยได้รับการหล่อหลอมเติบโตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างของบริบททางสังคม วัฒนธรรม ไปจนถึงความแตกต่างด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งความต่างเหล่านี้เองที่ส่งผลให้ความคิดของคนแต่ละวัยแตกต่างกันการที่มีช่องว่างระหว่างวัยนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะแม้ว่าการมีคนที่ต่างวัยมาทำงานร่วมกันจะช่วยให้สามารถแชร์ประสบการณ์ แชร์ไอเดียที่แตกต่างกันในการทำงาน และช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน แต่ความแตกต่างทางแนวคิดก็อาจทำให้เกิดปัญหาในการทำงานและอยู่ร่วมกันได้หลายประการเช่นกันปัญหาที่อาจเกิดจาก Generation Gapการทะเลาะเบาะแว้ง การไม่เข้าใจกัน การแบ่งแยกหรือตีตรากันการทำงานร่วมกันไม่ราบรื่น เกิดความขัดแย้งในการทำงานการสื่อสารไม่มีประสิทธิภาพ เกิดความเข้าใจผิดกันวิธีรับมือกับ Generation Gapเพื่อลดและหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาในการทำงานร่วมกันของคนแต่ละช่วงวัย การรู้จักวิธีรับมือกับความแตกต่างระหว่างวัยถือเป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนควรมี เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยวิธีรับมือกับ Generation Gap มีอยู่ดังนี้1. เข้าใจและยอมรับในความต่างสิ่งแรกที่ควรทำเมื่อต้องทำงานร่วมกับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมงานวัยเดียวกันหรือต่างวัยก็คือ การทำความเข้าใจและยอมรับในความแตกต่างของแต่ละคนให้ได้เสียก่อนนั่นเอง โดยอาจเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจและยอมรับว่า แต่ละ Generation แต่ละช่วงวัยนั้น มีความคิด ความเชื่อ และทัศนคติที่แตกต่างกันอย่างไร และไม่ตัดสินหรือแบ่งแยกผู้อื่น เพียงเพราะมีความเห็นหรือแนวคิดที่ต่างกัน2. สื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากปัญหาเรื่องการสื่อสารนั้นเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อยจากความต่างระหว่างวัย ดังนั้น การสื่อสารที่ดี ชัดเจน และมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างวัยได้ โดยควรพยายามสื่อสารกันอย่างชัดเจน และเช็กให้มั่นใจว่าทุกคนมีความเข้าใจตรงกัน และเมื่อต้องประสานงานกันควรหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่ไม่เป็นทางการหรือภาษาที่ฟังดูก้าวร้าว เพราะอาจนำไปสู่การเข้าใจผิดพลาดหรือเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกันได้3. สร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข การคอยสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยให้พนักงานแต่ละ Generation รู้สึกผ่อนคลาย และเปิดใจรับฟังซึ่งกันและกันมากขึ้น โดยอาจเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ด้วยการกล่าวทักทายกัน ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ หรือการเสนอความช่วยเหลือเมื่อทำได้4. เรียนรู้จากกันและกันอีกหนึ่งวิธีรับมือกับ Generation Gap ที่สามารถทำได้ก็คือ การสร้างโอกาสเรียนรู้จากความแตกต่างนั่นเอง โดยแทนที่จะถกเถียงหรือทะเลาะกันเมื่อเกิดความเห็นไม่ตรงกัน เราสามารถที่จะรับฟังแนวคิดของแต่ละฝ่ายเพื่อให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นได้ หรืออาจเสนอไอเดียต่อยอด เพื่อช่วยกันสร้างข้อตกลงที่ดีที่สุด ซึ่งเมื่อทำได้อย่างนี้แล้ว คุณอาจจะได้เรียนรู้เทคนิคดี ๆ ที่ตัวเองคิดไม่ถึงเนื่องจากขาดประสบการณ์ หรือแนวคิดบางอย่างก็ได้5. ช่วยเหลือกันในเรื่องที่ทำได้การช่วยเหลือกันในเรื่องที่ทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่าง จะช่วยให้พนักงานแต่ละช่วงวัยรู้สึกถึงการมีส่วนร่วม และการเป็นส่วนหนึ่งของทีม และทำให้เกิดความเข้าใจกัน และสนิทสนมกันมากขึ้นด้วย6. รู้จักปรับตัวเข้ากับผู้อื่นนอกจากการทำความเข้าใจแล้ว การปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นก็สำคัญไม่แพ้กันในการรับมือกับความต่างของวัย โดยคนทุกช่วงวัยควรปรับตัวเข้ากับคนอื่น ๆ ในทีมมากขึ้น เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นมืออาชีพมากที่สุด7. ปล่อยวางเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆแน่นอนว่าการคิดไม่ตรงกันนั้นเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งหากเราทำให้ทุกความเห็นที่ไม่ตรงกันกลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็จะทำให้เสียบรรยากาศในการทำงาน และอาจทำให้ไม่สามารถทำงานให้ลุล่วงได้ แต่หากรู้จักการปล่อยวางในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่สำคัญ และมุ่งเน้นไปที่การทำงานร่วมกันเป็นหลัก ก็จะช่วยลดปัญหาในการทำงานได้เพื่อให้การทำงานในองค์กรร่วมกันระหว่างวัยต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่น ทุกคนจำเป็นต้องรับมือกับ Generation Gap ให้ได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันของคนทุกช่วงวัย และสำหรับใครที่กำลังมองหางานในองค์กรใหญ่ แน่นอนว่าคงต้องได้พบเจอกับ Generation Gap แน่นอน ถ้าพร้อมรับมือกับช่องว่างระหว่างวัยแล้ว มาฝากประวัติสมัครงาน พร้อมสร้าง Super Resume ที่ JOBTOPGUN ได้เลย ใช้งานสะดวกผ่านเว็บไซต์และสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
[object Object]
5 วิธีค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร อาชีพไหนที่ใช่มากที่สุด!การหาคำตอบว่าตัวเองชอบทำอะไร ถนัดในสิ่งไหน เป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน โดยเฉพาะในช่วงวัยทำงาน ที่จำเป็นต้องตัดสินใจเลือกสมัครเพื่อก้าวสู่โลกแห่งการทำงานจริง การค้นหาตัวเองจะช่วยให้เราเข้าใจตัวตนได้ดีมากขึ้น ทำให้มองเห็นภาพในอนาคตได้ชัดเจน เลือกทางเดินที่เหมาะสมกับตัวเองยิ่งขึ้น จนนำไปสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จได้ บทความนี้จึงจะมาแจกวิธีค้นหาตัวเองแบบง่าย ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการหางานที่เหมาะสม ตอบโจทย์กับเราได้มากที่สุดเปิดวิธีค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร เพื่อให้ได้งานที่ตอบโจทย์ถูกใจ1. สำรวจตัวเองการสำรวจตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการค้นหาตัวตน เพราะสามารถทำให้รู้จักตัวเองได้อย่างลึกซึ้ง ทั้งความสนใจ จุดแข็ง-จุดอ่อน รวมถึงทักษะที่สะท้อนถึงคุณค่า โดยวิธีค้นหาตัวเองเพื่อสำรวจความสนใจนั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงนึกถึงสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข มีความถนัด หรือสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจได้ แต่สิ่งที่คิดเพียงชั่วครู่อาจไม่ใช่คำตอบของการสำรวจตัวเองในระยะยาว ถ้าหากอยากสำรวจตัวเองอย่างลึกซึ้ง ก็ควรเริ่มจดหรือเขียนบันทึกประจำวัน เพื่อให้สามารถย้อนกลับไปอ่านสิ่งที่คิดและรู้สึกจากการทำกิจกรรมและใช้ชีวิตในแต่ละวัน เพื่อทบทวนและเข้าใจตัวเองได้มากยิ่งขึ้น ไม่แน่ว่าอาจทำให้พบกิจวัตรที่เป็นความถนัดโดยไม่รู้ตัว2. ลองทำสิ่งใหม่ ๆอีกหนึ่งวิธีค้นหาตัวเองว่าชอบอะไร คือการทดลองทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งอาจทำให้ค้นพบความสนใจใหม่ หรือพบทักษะที่อาจไม่เคยรู้ อย่างการเข้าร่วมกิจกรรม โดยมีตัวอย่างที่น่าลองทำเพื่อสำรวจตัวเอง เช่นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่สนใจ เช่น หากสนใจงานด้านคอมพิวเตอร์ อาจลองเรียนเขียนโปรแกรม หรือทำเว็บไซต์เพิ่มเติม ซึ่งหากต้องทำในระยะยาว ความสนใจนี้จะเป็นความชอบได้จริงหรือไม่ พร้อมกับสำรวจความถนัดต่อสิ่งที่สนใจนี้ว่าเรามีทักษะในด้านนี้มากพอหรือไม่กิจกรรมที่แตกต่างจากความสนใจ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะทำ เช่น หากปกติสนใจในงานศิลปะโดยที่ไม่เคยทำกิจกรรมอื่นเลย ก็อาจลองเปิดหูเปิดตา ออกไปทำกิจกรรมอื่นบ้าง เพราะยิ่งได้ลองเยอะเท่าไรก็ยิ่งทำให้ค้นพบความชอบ หรือสิ่งที่ถนัดมากขึ้นเท่านั้นการลองทำสิ่งใหม่ด้วยกิจกรรมที่หลากหลายจะทำให้ได้สำรวจตัวเองมากขึ้น ต่อให้มีกิจกรรมที่ไม่ชอบแต่อย่างน้อยที่สุดก็สามารถนำความรู้สึกและทักษะที่ได้มาเป็นประสบการณ์เพื่อพัฒนาและค้นหาตัวเองอย่างชัดเจนมากขึ้น3. อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูกดังที่กล่าวไปว่า หนึ่งในวิธีค้นหาตัวเองเพื่อให้เจออาชีพที่ใช่ คือการทดลองทำสิ่งใหม่ที่ไม่เคยทำ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาและทดลองผิดลองถูกหลายครั้ง จึงเป็นเรื่องปกติที่เราจะยังไม่เจอสิ่งที่ใช่ตั้งแต่แรก ดังนั้น อย่ากลัวที่จะลองทำสิ่งใหม่ ๆ และเรียนรู้จากความผิดพลาด เพราะการล้มเหลวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ที่จะช่วยให้เราค้นพบตัวเองได้ในที่สุด สิ่งสำคัญคือการมีสติและตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยต่ออนาคตมากที่สุด4. ใช้เวลาอยู่กับตัวเองหลายคนออกไปทำนู่นทำนี่จนละเลยการใช้เวลากับตัวเองไป เพราะมองว่าเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่แท้จริงแล้วการค้นหาตัวเอง จำเป็นต้องโฟกัสที่ตัวเองเป็นหลัก ซึ่งการได้ใช้เวลาส่วนตัวจะช่วยให้สามารถโฟกัสความคิดได้มากขึ้น ลองสังเกตตัวเองเป็นประจำว่ารู้สึกอย่างไรกับสิ่งรอบตัว มีสิ่งที่รู้สึกสนใจเป็นพิเศษหรือไม่ หรือทำให้รู้สึกมีแรงบันดาลใจมากขึ้น โดยยึดความสุขและความสบายใจเป็นหลัก เพื่อให้สามารถเลือกอาชีพที่ตอบโจทย์กับความชอบได้มากที่สุด5. ทำแบบทดสอบ MBTIหากลองทำตามสเตปวิธีค้นหาตัวเองเหล่านี้แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ อีกวิธีคือลองทำแบบทดสอบ MBTI ซึ่งเป็นแบบทดสอบบุคลิกภาพที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ช่วยให้เราเข้าใจบุคลิกภาพของตัวเองมากขึ้น โดยจะแบ่งบุคลิกภาพออกเป็น 16 ประเภท จากปัจจัย 4 ด้าน ได้แก่การเข้าสังคม: E (Introversion) vs. I (Extroversion)การใช้ประสาทสัมผัสและความรู้สึก: S (Sensing) vs. N (Intuition)การใช้เหตุผลและความรู้สึก: T (Thinking) vs. F (Feeling)การจัดระเบียบและวางแผน: J (Judging) vs. P (Perceiving)แบบทดสอบ MBTI สามารถช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ทั้งในด้านความสนใจ ความสามารถ การทำงาน ความสัมพันธ์ และการตัดสินใจ รวมถึงมีการวิเคราะห์อาชีพที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคลิกภาพโดยเฉพาะ ทำให้สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้เพื่อค้นหาอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองได้เมื่อสำรวจตนเองจนรู้แน่ชัดแล้วว่างานประเภทไหนที่ชอบ อาชีพไหนที่ใช่กับเรามากที่สุด ก็ถึงเวลาลุยหางานที่เหมาะสมกับตัว สำหรับคนที่อยากได้งานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกและต้องการหางานระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ที่ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ สามารถเข้ามาดูงานได้ที่ JOBTOPGUN แพลตฟอร์มที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน พร้อมดูแลให้คุณได้งานง่าย ด้วย Super Resume ที่ได้รับการยอมรับจากกว่า 30,000 บริษัทชั้นนำ ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างความประทับใจให้แก่ HR ให้คุณโดดเด่นเหนือผู้สมัครรายอื่น สนใจสมัครงานระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา หรือหางานในทุกจังหวัดได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ดาวน์โหลดได้ฟรี ทั้งระบบ iOS และ Android หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
[object Object]
รู้ไว้ได้เปรียบ! ข้อดีของงานพาร์ตไทม์ที่หลายคนคาดไม่ถึงเมื่อพูดถึง “งานพาร์ตไทม์” (Part Time) เชื่อว่าหลายคนคงมีภาพจำคล้าย ๆ กัน คืองานเสริมที่รายได้ไม่สูง เหมาะกับการทำฆ่าเวลาช่วงว่าง ๆ หรือสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการรายได้เสริม อย่างไรก็ตาม หากเจาะลึกลงไปในรายละเอียด ข้อดีของงานพาร์ตไทม์กลับมีมากมายอย่างที่คาดไม่ถึงมาก่อน บทความนี้จึงจะมาใส่แว่นขยายให้กับข้อดีของงานพาร์ตไทม์ให้ได้รู้กัน พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกงานแบบพาร์ตไทม์ที่ตอบโจทย์ จะมีอะไรบ้าง ติดตามกันได้เลยเปิดข้อดีของงานพาร์ตไทม์ เงินดี มี Work Life Balance!งานพาร์ตไทม์คืออะไร?งานแบบพาร์ตไทม์ หมายถึง การจ้างงานแบบไม่เต็มเวลา โดยกำหนดให้มีชั่วโมงการทำงานสูงสุดอยู่ที่ 38 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน และอาจมีเงื่อนไขอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น สวัสดิการ วันลา และชั่วโมงการปฏิบัติงาน ซึ่งลูกจ้างและนายจ้างจะต้องตกลงกันให้ดีก่อนเริ่มงาน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่เกิดปัญหาภายหลัง ส่วนค่าจ้าง มักคิดเป็นรายชั่วโมงตามที่ปฏิบัติงานจริงงานประเภทนี้กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ปฏิบัติงานอยู่ที่ 15 ปีขึ้นไป และยินดีรับผู้สูงอายุวัยเกษียณแล้วเข้าทำงานด้วย โดยงานส่วนใหญ่จะเป็นงานบริการ เช่น พนักงานขาย พนักงานเสิร์ฟ พนักงานประจำร้านอาหารหรือร้านสะดวกซื้อ จึงถือเป็นงานที่เหมาะกับทั้งวัยเรียน วัยทำงาน และวัยเกษียณที่ต้องการหารายได้เสริมเลยทีเดียวข้อดีของงานพาร์ตไทม์ที่หลายคนไม่เคยรู้ในมุมมองของหลายคน การทำงานแบบไม่เต็มเวลาหรือแบบพาร์ตไทม์นั้น มองผิวเผินอาจจะดูไม่มั่นคง รายได้แต่ละวันไม่แน่นอน แต่บอกเลยว่าความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ เพราะงานประเภทนี้ยังมีข้อดีที่เหนือกว่างาน Full-Time หรืองานเต็มเวลาอยู่อีกหลากหลายประการ และนี่คือ 6 ข้อดีของการทำงานแบบพาร์ตไทม์ที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน!มีความยืดหยุ่นสูงข้อดีแรกของการทำงานรูปแบบนี้คือ มีความยืดหยุ่นสูง คุณสามารถเลือกเวลาเข้า-ออกงานได้ตามสะดวกบนพื้นฐานข้อตกลงที่ทำไว้กับนายจ้าง จึงแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมอื่นหรือใช้เวลากับครอบครัวได้ และมีความกดดันน้อยกว่างาน Full-Timeสามารถทำหลายงานพร้อมกันได้เมื่อการทำงานแบบพาร์ตไทม์เริ่มต้นเพียง 3 ชั่วโมงต่อวัน หากคุณบริหารจัดการชั่วโมงการทำงานดี ๆ นั่นหมายความว่าคุณสามารถทำหลายงานไปพร้อม ๆ กัน เป็นการสร้างรายได้ในหลายช่องทาง รวมทั้งได้ฝึกทักษะการทำงานที่หลากหลายในเวลาเดียวกันด้วยสร้างประสบการณ์ก่อนเข้าสู่โลกการทำงานจริงสำหรับน้อง ๆ วัยเรียน การทำงานแบบพาร์ตไทม์ในร้านค้า ร้านอาหาร หรือห้างสรรพสินค้า คือโอกาสดีที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ทำงานจริงก่อนก้าวเข้าสู่วัยทำงาน เป็นการเตรียมพร้อม Hard Skill และ Soft Skill ในการทำงานได้เป็นอย่างดีฝึกฝนทักษะที่จำเป็นในการทำงานการทำงานแบบพาร์ตไทม์จะช่วยสร้างทักษะที่จำเป็นในการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสื่อสาร ทักษะการคำนวณ ทักษะการใช้โปรแกรมขายหน้าร้าน หรือทักษะอื่น ๆ ซึ่งล้วนแต่นำไปต่อยอดในชีวิตการทำงานจริงได้ทั้งสิ้นเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างรายได้เสริมข้อดีของการทำงานแบบไม่เต็มเวลาคือ คุณสามารถทำเป็นงานเสริมได้โดยไม่กระทบงานประจำ หรืออยากหารายได้พิเศษระหว่างเรียนก็ทำได้เช่นกัน เพราะสามารถเลือกเวลาทำงานที่ไม่กระทบกับเวลาเรียนได้นั่นเองมี Work Life Balance มากกว่างาน Full-Timeปิดท้ายข้อดีของการทำงานแบบพาร์ตไทม์ด้วยเรื่อง Work Life Balance เพราะงานประเภทนี้มีความเครียดและความกดดันน้อยกว่า สามารถจบงานได้ในที่ทำงาน ไม่ต้องหอบความเครียดกลับบ้าน ทำให้คุณสามารถแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่นได้ดีกว่างาน Full-Timeเลือกงานแบบพาร์ตไทม์อย่างไรให้ตอบโจทย์?สำหรับผู้ที่กำลังมองหางานแบบไม่เต็มเวลาเพื่อสร้างรายได้เสริมไว้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับตัวเองและครอบครัว ก่อนตัดสินใจเข้าทำงานที่ไหน อย่าลืมพิจารณาหลักเกณฑ์เหล่านี้ เพื่อให้ได้งานที่ตอบโจทย์สูงสุดนั่นเองค่าตอบแทนเป็นธรรม สมเหตุสมผล มีเงื่อนไขการจ่ายเงินที่ชัดเจนเลือกงานที่สามารถนำทักษะและประสบการณ์ไปต่อยอดในอนาคตได้ศึกษาข้อมูลบริษัทและพูดคุยทำความรู้จักกับนายจ้างจนแน่ใจว่าเชื่อถือได้ สามารถบริหารงานและดูแลพนักงานได้ดีมีสวัสดิการที่ยุติธรรม ทั้งเรื่องวันลา ประกันอุบัติเหตุ และสวัสดิการอื่น ๆเวลาปฏิบัติงานสอดคล้องกับเวลาว่าง ไม่ตรงกับเวลาเรียนหรือเวลาทำงานอื่นเมื่อได้รู้แล้วว่างานพาร์ตไทม์คืออะไร และข้อดีของงานพาร์ตไทม์มีอะไรบ้าง ก็ถึงเวลาลุยสมรภูมิการทำงานจริง โดยใครที่กำลังมองหางาน Part Time ที่ใช่ แนะนำให้สร้าง Resume ที่มีข้อมูลครบถ้วน เพื่อนำเสนอจุดแข็งและทักษะของคุณเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ HR ด้วย Super Resume จาก JOBTOPGUN แพลตฟอร์มหางานที่มีงานอัปเดตให้คุณทุกวัน ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง พร้อมมีรีวิวบริษัทที่เปิดรับทำงาน ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทดียิ่งขึ้นก่อนสมัครงาน มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วถึง 4.7 ล้านคน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999 หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android
[object Object]
เพิ่มโอกาสได้งานใหม่ ด้วยทริกการอัปเดตเรซูเม่ทำงานไปสักพัก เชื่อว่าหลายคนต้องเริ่มมีความคิดที่จะเปลี่ยนงานด้วยหลากหลายเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความก้าวหน้าทางสายอาชีพ อยากมีรายได้เพิ่ม หรืออยากเรียนรู้ในสายงานใหม่ ๆ แต่ก่อนจะเปลี่ยนงานได้ คุณก็ต้องกลับไปสู่ขั้นตอนการยื่นเรซูเม่เพื่อสมัครงานอีกครั้ง ซึ่งการยื่นเรซูเม่ในครั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องเขียนใหม่เหมือนตอนสมัครงานครั้งแรก แต่จะเป็นการอัปเดตเรซูเม่รวมทั้งข้อมูลต่าง ๆ แทนแล้วถ้าหากคุณกำลังมีแผนจะอัปเดตเรซูเม่เพื่อยื่นสมัครงานที่ใหม่ จะมีวิธีการอัปเดตเรซูเม่อย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อเพิ่มโอกาสได้งานตามที่ต้องการให้สูงขึ้น บทความนี้มีทริกดี ๆ ในการอัปเดตเรซูเม่มาฝากกันวิธีอัปเดต Resume ให้โดดเด่นเตะตา เพื่อคนหางานใหม่!เช็กสัญญาณ เมื่อไหร่ควรอัปเดตเรซูเม่เพื่อหางานใหม่?ก่อนจะไปดูวิธีอัปเดต Resume ให้ทรงพลัง สิ่งที่วัยทำงานทุกคนควรใส่ใจคือการหมั่นเช็กสัญญาณตัวเองอยู่เสมอว่าถึงเวลาต้องมองหางานใหม่แล้วหรือยัง ซึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในสายอาชีพก็มีอยู่ 3 ประการด้วยกัน ดังนี้ไม่มีความสุขกับงานที่ทำเท่าเมื่อก่อนสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าคุณควรหางานใหม่โดยด่วน คือการไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นส่วนเนื้องาน องค์กร หรือเพื่อนร่วมงาน ไม่อยากตื่นไปทำงาน ไม่อยากทำงาน เห็นงานแล้วอยากเดินหนี หรือเครียดผิดปกติ นั่นอาจแปลว่าคุณกำลังมีอาการ Burnout Syndrome หรือภาวะหมดไฟในการทำงาน หากลองปรับพฤติกรรมแล้วไม่ดีขึ้น การเปลี่ยนงานอาจเป็นคำตอบที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณตำแหน่งและเงินเดือนในที่ทำงานเดิมถึงทางตันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนส่วนใหญ่ย่อมมองหาการเติบโตในสายงาน ทั้งการเติบโตด้านตำแหน่งและเงินเดือน หากตำแหน่งในที่ทำงานเดิมเดินทางมาถึงทางตัน มองไม่เห็น Career Path หรือความก้าวหน้าในสายอาชีพ อัตราการปรับเงินเดือนไม่เป็นที่น่าพอใจ การย้ายไปอยู่ในองค์กรที่ใหญ่ขึ้นเพื่อรับตำแหน่งที่สูงกว่าเดิมและรายได้ที่มากขึ้น น่าจะตอบโจทย์มากที่สุดอยากเรียนรู้งานในสายอาชีพใหม่ ๆ เพิ่มเติมสุดท้าย สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานเดิมที่ทำอยู่ หรืออยากมองหาโอกาสในสายอาชีพใหม่ ๆ เพิ่มเติม ก็แสดงว่าถึงเวลาที่คุณต้องให้ความสำคัญกับการอัปเดตเรซูเม่แล้วเช่นกัน ไม่แน่ว่าการย้ายงานครั้งนี้ อาจทำให้คุณเจองานที่ชอบและใช่ยิ่งกว่าเดิมก็ได้วิธีอัปเดต Resume ให้มีประสิทธิภาพสำหรับใครที่มั่นใจแล้วว่าตัวเองกำลังมองหางานใหม่อยู่ แต่ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นการอัปเดตเรซูเม่อย่างไรดี เราแนะนำให้คุณนำเรซูเม่เดิมกลับมาอ่านทวนอีกครั้งแล้วอัปเดตข้อมูลต่าง ๆ เข้าไปแทนที่จะเขียนขึ้นมาใหม่ เพราะจะช่วยประหยัดเวลาได้ดีกว่า และจะได้ปรับปรุงเรซูเม่ให้ดีขึ้นด้วย โดยสิ่งที่ควรทำหากอยากให้เรซูเม่ของคุณทรงพลังและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้แก่อธิบายประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาให้ครบถ้วนหากคุณมีประสบการณ์การทำงานมาแล้ว ยิ่งเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานใหม่ ยิ่งทำให้คุณได้เปรียบกว่าผู้สมัครคนอื่น ดังนั้น อย่าลืมอธิบายประสบการณ์การทำงานของคุณให้ละเอียด เช่น ชื่อองค์กร หน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย โปรเจกต์ที่ดูแล ผลงานที่ภาคภูมิใจ และระยะเวลาการทำงาน เพื่อให้เรซูเม่ของคุณน่าสนใจมากขึ้นอัปเดต Certificate ที่เกี่ยวข้องระหว่างการทำงาน การเรียนคอร์สต่าง ๆ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ก็เป็นเรื่องที่วัยทำงานขาดไม่ได้ หากคุณเคยเรียนคอร์สที่เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องการสมัคร ควรอัปเดต Certificate รวมทั้งรางวัลที่ได้รับและการเข้าร่วมการแข่งขันต่าง ๆ เข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเองนั่นเองอัปเดตทักษะใหม่ ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการทำงานปฏิเสธไม่ได้ว่าในชีวิตการทำงาน เราได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ระบุให้ครบว่าคุณมีทักษะอะไรบ้างที่ได้จากการทำงาน โดยเฉพาะทักษะที่เกี่ยวข้องกับงานที่ต้องการ สร้างความน่าสนใจและขายตัวเองให้ได้รับการพิจารณาจากผู้สัมภาษณ์ตรวจทานความเรียบร้อยอีกครั้งสุดท้ายคือการตรวจทานความเรียบร้อยของเรซูเม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสะกดคำ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การจัดลำดับข้อมูลตามปีที่เกิดขึ้น และการออกแบบให้อ่านง่ายขึ้น เพื่อให้เรซูเม่ของคุณโดดเด่น สะดุดตา และเพิ่มโอกาสได้รับการคัดเลือกมาสัมภาษณ์จนได้รับเลือกเข้าทำงานในที่สุดมองหางานใหม่ในองค์กรที่ใช่ เพิ่มโอกาสได้งานด้วย Super Resumeอยากทํา Resume สมัครงานให้โดดเด่นเหนือผู้สมัครรายอื่น สร้างความประทับใจให้ฝ่ายบุคคลและองค์กร ด้วยการอัปเดตเรซูเม่กับ Super Resume โดย JOBTOPGUN ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทชั้นนำกว่า 30,000 แห่ง นำเสนอจุดเด่นของคุณได้ครบถ้วน ใช้งานฟรีผ่านเว็บไซต์ ค้นหาตำแหน่งงานรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับองค์กรที่สนใจได้ทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน JOBTOPGUN ดาวน์โหลดได้ฟรีทั้งระบบ iOS และ Android สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-853-6999
บริการของเราเพื่อคุณเว็บไซต์หางานที่ช่วยให้คุณและบริษัทรู้จักกันมากขึ้นด้วยช่องทางในการอ่านและเขียนรีวิวอย่างมีคุณภาพ และมีตัวช่วยในการสร้างเรซูเม่ที่นำเสนอตัวตนให้คุณยืนหนึ่ง มีโอกาสได้งานมากกว่าใคร
JOBTOPGUNJOBTOPGUN
เว็บไซต์หางานที่ช่วยให้คุณได้งานจากบริษัทชั้นนำกว่า 2,000 บริษัท
SUPER RESUMESUPER RESUME
ช่วยนำเสนอตัวตนของคุณได้ดีที่สุด มีผู้ใช้กว่า 3 ล้านคน
YOUSAY/HRSAYYOUSAY/HRSAY
นำเสนอเชิดชูบริษัทที่อยู่ในมาตรฐานของบริษัททั่วไปที่จะพึงมี และนำเสนอบริษัทที่จะเป็น Dream Company
ติดตามงานที่ใช่ได้อย่างง่ายดายผ่านแอปพลิเคชั่น JOBTOPGUN
Download on the App StoreGet it on Google Play
Smartphone Application
Find job, Get job
ให้เราช่วยให้คุณ “หางาน ได้งาน”

หากไม่อยากพลาดโอกาสที่จะทำให้คุณได้มีชีวิตดีจากงานที่ดี เริ่มเข้าสู่ระบบเพื่อหางานไปพร้อม ๆ กัน

หางานบริษัทในฝันได้ง่าย ๆ กับเว็บไซต์สมัครงานที่ใช้งานสะดวก JOBTOPGUN

ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหางาน สมัครงานบริษัทตำแหน่งไหน จะเป็นเด็กจบใหม่ไฟแรง หรือต้องการมองหางานประจำที่ช่วยขยับขยายเปลี่ยนสาย Job ให้ก้าวหน้า ก็สามารถหางานด่วนที่ใช่ ในบริษัทที่ถูกใจ ได้ที่ JOBTOPGUN เว็บสมัครงานออนไลน์ ที่รวบรวมงานพร้อมข้อมูลเงินเดือนจากบริษัทชั้นนำไว้มากมายกับแอปหางานที่อัปเดตใหม่ทุกวัน ดูแลให้คุณได้งานจริง ด้วย Super Resume ที่ให้คุณสร้าง Resume อย่างมืออาชีพ พร้อมนำเสนอคุณให้โดดเด่นกว่าใคร และยังมีรีวิวบริษัท ที่ช่วยให้คุณรู้จักบริษัทตามความจริง ดูแลให้คุณหางานง่าย ได้งานดี ที่ JOBTOPGUN